ลองจินตนาการตามกันดูนะเพื่อนๆ ว่าถ้าวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าโลกที่เราเคยรู้จักมันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ท้องฟ้าไม่ได้เป็นสีฟ้า ทุ่งหญ้าไม่ได้เป็นสีเขียว แต่ทุกอย่างกลับขาวโพลนไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง กลายเป็นดินแดนเยือกแข็งที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป นี่ไม่ใช่พล็อตหนังไซไฟธรรมดาทั่วไป แต่มันคือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การเอาชีวิตรอดสุดระทึกในหนังที่ชื่อว่า
Snowpiercer (2013) ยึดด่วน วันสิ้นโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับประสบการณ์ดูหนังออนไลน์ที่ทั้งกดดัน บีบหัวใจ และตั้งคำถามกับความเป็นมนุษย์ได้อย่างเจ็บแสบที่สุด เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากความพยายามของมนุษย์ที่จะแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง สารเคมีที่ถูกปล่อยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศเพื่อลดอุณหภูมิโลกกลับทำงานได้ดีเกินคาด จนทำให้อุณหภูมิดิ่งลงสู่จุดเยือกแข็งและนำพายุคสุดท้ายของมวลมนุษยชาติมาถึง ผู้ที่โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่แน่ใจ ที่รอดชีวิตมาได้ ต้องมาอาศัยอยู่บนรถไฟขบวนหนึ่งที่มีชื่อว่า สโนว์เพียร์ซเซอร์ รถไฟที่ไม่เคยมีวันหยุดวิ่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรนิรันดร์ที่สามารถผลิตพลังงานให้ตัวเองได้ตลอดเวลา วิ่งวนรอบโลกที่ตายไปแล้วอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฟังดูเหมือนเป็นเรือโนอาห์แห่งยุคใหม่ใช่ไหมล่ะ แต่ความจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ เพราะบนรถไฟขบวนนี้ไม่ได้มีความเท่าเทียมกันเลยแม้แต่น้อย สังคมใหม่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างชัดเจนและโหดเหี้ยม แบ่งแยกผู้คนออกเป็นชนชั้นตามตำแหน่งของโบกี้รถไฟที่พวกเขาอาศัยอยู่ สำหรับผู้โดยสารที่อยู่หัวขบวน พวกเขาคือชนชั้นอภิสิทธิ์ชน ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย มีอาหารเลิศรสให้กิน มีสถานบันเทิง มีสวนพฤกษศาสตร์ มีสระว่ายน้ำ ทุกอย่างที่คนรวยในโลกเก่าเคยมี พวกเขาก็มีบนรถไฟขบวนนี้ มันคือสวรรค์บนรางเหล็กดีๆ นี่เอง แต่ในทางกลับกัน สำหรับผู้คนที่ถูกอัดกันเหมือนปลากระป๋องอยู่ท้ายขบวน ชีวิตของพวกเขาไม่ต่างอะไรจากนรกบนดิน พวกเขาคือชนชั้นแรงงาน คือขยะของสังคมที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก แออัด ขาดแคลนทุกสิ่งอย่าง ต้องกินอาหารประทังชีวิตที่ทำมาจากอะไรก็ไม่รู้ที่เรียกว่า โปรตีนบาร์ ซึ่งหน้าตาและรสชาติของมันคงทำให้คุณต้องขมวดคิ้ว เด็กๆ ที่เกิดมาไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวัน ถูกสอนให้บูชาหัวรถจักรและผู้นำสูงสุดที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้าว่าเป็นดั่งพระเจ้า ความเหลื่อมล้ำสุดขั้วนี้เองที่กลายเป็นเชื้อไฟแห่งการปฏิวัติที่รอวันปะทุ หนังเรื่อง Snowpiercer ยึดด่วน วันสิ้นโลก จะพาเราไปติดตามการลุกฮือของชาวท้ายขบวนที่ทนต่อการกดขี่ข่มเหงมานานหลายปีไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพและทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กลับคืนมา โดยมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น คือการบุกตะลุยไปข้างหน้า ยึดทีละโบกี้ เพื่อไปให้ถึงหัวขบวนและควบคุมเครื่องจักรนิรันดร์ให้จงได้ การเดินทางจากท้ายขบวนสู่หัวขบวนครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะแต่ละโบกี้ที่พวกเขาบุกเข้าไป ก็เปรียบเสมือนการเปิดประตูไปสู่โลกใบใหม่ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน จากโบกี้ที่คุมขังอันมืดมิด พวกเขาต้องปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยที่โหดเหี้ยมและพร้อมจะสังหารทุกคนที่ขวางหน้า ฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้บอกเลยว่าดิบเถื่อนและสร้างสรรค์มาก การต่อสู้ในพื้นที่แคบๆ ของโบกี้รถไฟมันทั้งอึดอัดและลุ้นระทึกจนแทบลืมหายใจ แต่สิ่งที่พีคยิ่งกว่าฉากต่อสู้ คือสิ่งที่พวกเขาได้ค้นพบระหว่างทาง เมื่อพวกเขาผ่านโบกี้ของเหล่าทหารไปได้ ก็จะได้เจอกับโบกี้ที่เป็นแหล่งผลิตน้ำ โบกี้ที่เป็นสวนเกษตรที่เขียวขจี โบกี้ที่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดย่อมซึ่งมีปลาแหวกว่ายอย่างสวยงาม และที่น่าตกใจที่สุดคือโบกี้โรงเรียนสำหรับเด็กๆ ของชนชั้นสูง ที่นั่นพวกเขาถูกสอนให้เกลียดชังชาวท้ายขบวนและเชื่อว่าทุกคนมีหน้าที่และตำแหน่งของตัวเองตามที่ผู้นำกำหนดไว้ การเดินทางครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางกายภาพ แต่มันคือการต่อสู้ทางความคิดและจิตใจด้วย พวกเขาได้เห็นความฟุ้งเฟ้อของเหล่าคนรวยที่จัดปาร์ตี้เสพสุขกันอย่างไม่สนใจโลกภายนอก ขณะที่พวกเขาต้องอดอยากและตายไปทีละคน ภาพยนตร์เรื่องนี้เก่งมากในการสร้างคอนทราสต์ที่ทำให้เราคนดูรู้สึกจุกและตั้งคำถามไปกับตัวละครว่า ระบบสังคมแบบนี้มันถูกต้องแล้วจริงๆ หรือ ความเป็นระเบียบที่ต้องแลกมาด้วยการกดขี่คนกลุ่มหนึ่งมันเป็นสิ่งที่ยอมรับได้งั้นเหรอ นี่คือหนังไซไฟแอ็คชั่นที่ไม่ได้มีดีแค่ความมันส์ แต่แก่นของเรื่องมันคือการวิพากษ์วิจารณ์สังคมทุนนิยม ระบบชนชั้น และธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งและเฉียบคม คุณจะได้เห็นทั้งความเห็นแก่ตัว ความเสียสละ ความหวัง และความสิ้นหวัง ตลอดการเดินทางของเหล่าผู้ปฏิวัติ ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้หัวขบวนมากเท่าไหร่ ความลับดำมืดของรถไฟขบวนนี้ก็ยิ่งถูกเปิดเผยออกมาทีละน้อย และบทสรุปของเรื่องก็เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงและจะทำให้คุณต้องอึ้งไปอีกนานเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาหนังดีๆ สักเรื่องในเว็บดูหนังออนไลน์ที่ครบเครื่องทั้งความสนุก ตื่นเต้น และยังให้ข้อคิดดีๆ กลับไปนอนคิดต่อที่บ้าน หนังเรื่องนี้ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด มันคือหนังเอาชีวิตรอดที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าบางครั้งศัตรูที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่โลกภายนอกที่หนาวเหน็บ แต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน นี่คือภาพยนตร์ที่จะตอกย้ำให้เห็นว่าการปฏิวัติเพื่อความเท่าเทียมนั้นต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง และมันคุ้มค่าหรือไม่ ไปหาคำตอบพร้อมกันในหนังเรื่องนี้ รับรองว่าสองชั่วโมงของคุณจะคุ้มค่าทุกนาที เป็นประสบการณ์การดูหนังที่ทั้งมันส์ ทั้งดิบ และทั้งฉลาดจนคุณต้องยกนิ้วให้ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ดูด้วยตาตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่าการเดินทางบนรถไฟขบวนนี้มันส์หยดแค่ไหน บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด